"สถานีชินทาคาโอกะ" เป็นหนึ่งในสถานีที่รถไฟโฮคุริคุชินคันเซ็นจะแวะมาจอด เช่น "ฮะคุทากะ" หรือ ขบวนพิเศษบางขบวนอย่าง "คากายากิ" เราขอแนะนำให้เช่ารถเพื่อการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ บริเวณรอบๆ สถานีมีร้านเช่ารถอยู่ 4 แห่ง แนะนำให้จองรถเช่าไว้ล่วงหน้า

สะพานขึงที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งทะเลญี่ปุ่นซึ่งทอดยาวอยู่เหนือท่าเรือโทยามะใหม่ในเมืองอิมิสึ มีโครงสร้าง 2 ชั้น โดยชั้นบนเป็นถนนสำหรับรถยนต์ และชั้นล่างเป็นทางเดินเท้าและทางจักรยาน ในวันที่อากาศแจ่มใส คุณจะสามารถมองเห็นทะเลญี่ปุ่น เทือกเขาทาเตยามะ และคาบสมุทรโนโตะได้จากบนสะพานด้วย ทิวทัศน์ยามค่ำคืนก็งดงามเช่นกัน

อ่าวโทยามะถูกเรียกว่า "บ่อเลี้ยงปลาธรรมชาติ" โดยเฉพาะท่าเรือประมงชินมินาโตะในเมืองอิมิสึซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น 1 ในท่าเรือประมงชั้นนำของจังหวัด แม่น้ำโชกาวะและแม่น้ำโอยาเบะที่ไหลลงไปในทะเลของชินมินาโตะนั้นมีต้นน้ำมาจากเทือกเขาฮาคุซังและเทือกเขาฮิดะซึ่งเต็มไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ จากภูเขาและป่าเขียวชอุ่ม ทำให้สัตว์ทะเลในชินมินาโตะเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ ชาวประมงของชินมินาโตะยังปกป้องและรักษาธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เหล่านี้ไว้เพื่อรักษาทรัพยากรประมงที่สำคัญเอาไว้ด้วย ทำให้สามารถจับสัตว์ทะเลแสนอร่อยได้ที่นี่ค่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการประมูลอาหารทะเลสดๆ ที่จับได้ในวันนั้นที่ท่าเรือประมงชินมินาโตะอีกด้วย นอกจากจะมีการประมูลปลาในตอนเช้าเหมือนกับตลาดปลาทั่วไปแล้ว ที่นี่ยังมีการประมูลปลาในตอนกลางวันซึ่งจะเริ่มตอน 12:30 น. ถ้าหากจองล่วงหน้าก็จะสามารถเข้าไปชมได้ คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศการประมูลปลาที่คึกคักได้อย่างใกล้ชิด เช่น การต่อรองอย่างจริงจังระหว่างผู้ประมูลและผู้ซื้อ เสียงตะโกนอันทรงพลังของผู้ประมูล และความเร็วของสัญญาณจากพ่อค้าคนกลางทำให้การประมูลถูกดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากชมการประมูลที่ท่าเรือประมงชินมินาโตะแล้วก็ไปลิ้มรส "ปูหิมะสีแดง (เบนิซุไวกานิ)" กัน บริเวณรอบๆ ท่าเรือประมงที่ร้านอาหารเรียงรายอยู่มากมาย ถึงแม้ว่าจะสามารถรับประทานปลาดิบและข้าวปั้นหน้าปลาดิบที่ร้านซูชิได้ก็ตาม แต่เราขอแนะนำมื้อเที่ยงที่เต็มไปด้วยปูสุดที่ปรุงอย่างพิถีพิถันของร้านคัปโปค่ะ คุณจะสามารถลิ้มรสอาหารปูสุดอร่อยที่แตกต่างกันไปในแต่ละร้านได้ ไม่ว่าจะเป็นสุกี้ยากี้ปูหรือชุดอาหารปูค่ะ

แม่น้ำที่ไหลผ่านเขตชินมินาโตะทางฝั่งทะเลของเมืองอิมิสึ ซึ่งมีความยาวทั้งหมดถึง 3.4 กม. บ้านแบบโบราณที่เรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ และทิวทัศน์ของเรือประมงที่จอดอยู่ทั้งสองฝั่งนั้นจะทำให้รู้สึกนึกถึงเมืองท่าในสมัยก่อน นอกจากนี้ เรือท่องเที่ยวยังจะล่องผ่านใต้สะพานที่ไม่เหมือนใครมากกว่า 10 แห่งแบบเฉียดๆ ในวันที่อากาศแจ่มใสคุณจะมองเห็นเทือกเขาทาเตยามะในทิศตะวันออกได้อีกด้วย

*เนื่องจากผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่คาบสมุทรโนโตะ ทำให้ถนนบางสายได้รับความเสียหาย และไม่สามารถขับรถผ่านในบางพื้นที่ได้

"วัดโชโคจิ" ถูกขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติในเดือนธันวาคมปี 2022 ที่นี่เป็นวัดที่ควบคุมดูแลวัดต่างๆ ในพื้นที่ (ฟุเระคาชิระ) ของนิกายโจโดชินชูในแคว้นเอ็ตจู ที่นี่เป็นวัดสาขาที่มีความยิ่งใหญ่ทั้งในด้านขนาดและรูปแบบไม่ต่างจากวัดหลักเลยค่ะ วิหารหลัก ห้องโถงใหญ่ และแท่นทำพิธีอันสวยงามทำให้วัดแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติประจำชาติในเดือนธันวาคมปี 2022 วิหารหลักที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายยุคเอโดะนั้นถูกจำลองมาจากวิหารอามิดะของวัดฮงกันจิ และถูกออกแบบโดยช่างไม้ของวัดฮงกันจิ มีการบูรณะอาคารทั้ง 12 แห่งอย่างวิหารหลัก ห้องโถงใหญ่ และแท่นทำพิธีในระหว่าง "การซ่อมแซมครั้งใหญ่แห่งยุคเฮเซ" ที่ใช้เวลานานถึง 23 ปีตั้งแต่ปี 1998 ทำให้อาคารเหล่านี้ย้อนกลับไปมีสภาพสวยงามเหมือนในช่วงปลายสมัยเอโดะ

วัดโชโคจิยังเป็นที่รู้จักในเรื่องสิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ด เช่น แปะก๊วยไม่มีผล หินที่ตกลงมาจากสวรรค์ และบ่อน้ำที่ไม่เคยเหือดแห้งอีกด้วย ถ้าหากท่านอยากอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ด โปรดเช็คที่หน้า "บทความพิเศษ"

ชายฝั่งอามะฮาราชิ วิวทิวทัศน์อันสวยงามจากสมัยมันโย "โอโตโมะโนะยาคะโมจิ" กวีชื่อดังในสมัยมันโยชื่นชอบวิวทิวทัศน์ของอามะฮาราชิมากจนเขียนบทกลอนเกี่ยวกับสถานที่นี้ไว้มากมาย วิวทิวทัศน์นี้ยังสวยงามไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อน คุณจะต้องรู้สึกตระการตาไปกับความงามของแนวปะการังที่มองเห็นได้จากชายหาด และเทือกเขาทาเตยามะที่ตั้งตะหง่านอยู่ในอีกฝากของอ่าวโทยามะซึ่งมีความสูงกว่า 3,000 เมตร เป็นจุดถ่ายรูปทิวทัศน์อันงดงามของหินเมะอิวะที่ตั้งอยู่ข้างหน้าเทือกเขาทาเตยามะ กล่าวกันว่ามีสถานที่เพียงไม่กี่แห่งในโลกที่สามารถชมเทือกเขาซึ่งสูงกว่า 3,000 เมตรจากอีกฝากของมหาสมุทรเช่นนี้ได้

ที่นี่ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งใน "100 ชายหาดที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น" "100 หาดทรายขาวและต้นสนสีเขียวที่สวยที่สุด" และ "88 ชายหาดที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น" ทิวทัศน์ที่สวยงามและชายหาดน้ำตื้นซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นน้ำทะเลในฤดูร้อนนั้นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้รับความนิยม สนใจแวะมาเที่ยวชายฝั่งอามะฮาราชิที่มีแนวปะการัง หาดทรายขาว และวิวทิวทัศน์ตระการตาของต้นสนสีเขียวกันได้

สถานีริมถนน "อามะฮาราชิ" นั้นตั้งอยู่ที่ริมชายฝั่งอามะฮาราชิโดยเป็นอาคารสไตล์โมเดิร์นสีขาวที่มีรูปทรงเหมือนเรือ ชั้น 1 จะเป็นมุมเผยแพร่ข้อมูล ชั้น 2 มีทั้งคาเฟ่ ร้านค้า และจุดชมวิว ส่วนชั้น 3 จะเป็นห้องอเนกประสงค์และจุดชมวิว

คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับมื้อกลางวัน ขนมหวาน และเครื่องดื่มซึ่งใช้วัตถุดิบอย่างอาหารทะเล เนื้อสัตว์ และผักที่ผลิตในท้องถิ่นได้ที่คาเฟ่เปิดโล่งแห่งนี้ พร้อมกับชมวิวทิวทัศน์ของทะเลได้อย่างสบายๆ เลย นอกจากนี้ ยังมีสินค้าต่างๆ ซึ่งทำให้รู้สึกถึงประเพณีและวัฒนธรรมวางขายอยู่ที่ร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์งานฝีมือต่างๆ เช่น เครื่องทองแดงและเครื่องเขินทาคาโอกะ ไปจนถึงสาเกท้องถิ่น ขนมท้องถิ่น และสินค้าเบ็ดเตล็ด คุณสามารถสนุกไปกับการช้อปปิ้งที่สถานีริมถนนอันสวยงามแห่งนี้ได้

นอกจากนี้ คุณยังสามารถชมวิวรถไฟสายฮิมิวิ่งผ่านทะเลจากจุดชมวิวหรือคาเฟ่ได้อีกด้วย รับรองว่าเด็กๆ ที่ชอบรถไฟจะต้องติดใจแน่นอน

สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ "มัตสึดะเอะ โนะ นางาฮามะ" ดินแดนแห่งหาดทรายขาวและต้นส้นสีเขียวซึ่งถูกกล่าวถึงในบทกลอนมันโยของเมืองฮิมิ จังหวัดโทยามะ หลังจากทำการปรับปรุง ก็ได้เปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ปี 2020 ที่ผ่านมา สวนพฤกษศาสตร์ริมทะเลเมืองฮิมิที่เปิดใหม่แห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "สวนนิทรรศการที่สามารถเล่นได้" พร้อมหลังคาขนาดใหญ่ เครื่องเล่น และห้องอบรม ทำให้สามารถสนุกสนานได้ไม่ว่าจะเป็นวันที่อากาศแจ่มใส วันที่ฝนตก หรือว่าวันที่หิมะตกก็ตาม

นอกจากนี้ ยังสามารถไปนั่งจิบกาแฟและรับประทานเค้ก พร้อมกับชมวิวอันสวยงามของชายหาดมัตสึดะเอะที่ร้านอาหารคาเฟ่ "seaside cafe โซระโทคิ" ที่ชั้น 4 ได้อีกด้วย

ก่อนจะไปทานมื้อเย็นก็มาเดินเล่นเรียกน้ำย่อยที่สวนฮิมิโนะเอะกัน ถ้าเล็งมุมดีๆ ก็จะสามารถถ่ายภาพเทือกเขาทาเตยามะที่อยู่ด้านหลังเกาะคาราชิมะได้อีกด้วย

เราจะเข้าพักแรมที่เมืองฮิมิ ในฤดูหนาว ที่พักหลายแห่งจะมีคอร์สอาหารปลาบุริแบบต่างๆ เช่น ซาซิมิปลาบุริ ชาบูชาบูปลาบุริ ปลาบุริต้มหัวไชเท้า และปลาบุริย่างเกลือ คุณจะได้ลิ้มรส "ปลาฮิมิคันบุริ" ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของฮิมิ

คุณสามารถลิ้มรสความอร่อยของโทยามะได้ที่ "ฮิมิบันยะไก" ซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร และร้านเฉพาะทางต่างๆ มากมาย ที่นี่มีผลิตภัณฑ์พิเศษต่างๆ ที่คุณสามารถหาทานได้แค่ที่ฮิมิเท่านั้น เช่น อาหารทะเลจากอ่าวโทยามะ ซูชิและฮิมิอุด้งส่งตรงจากท่าเรือประมงฮิมิ และเนื้อวัวฮิมิ ที่นี่ยังมีอาหารแปรรูปสดใหม่ที่พิถีพิถันในการผลิต และของฝากของฮิมิวางจำหน่ายอยู่ครบอีกด้วย นอกจากจะเพลิดเพลินไปกับอาหารได้แล้ว คุณยังสามารถสนุกสนานไปกับการช้อปปิ้งได้อย่างเต็มที่ด้วย

คุณสามารถสัมผัสเสน่ห์ต่างๆ ของฮิมิได้ที่ "ฮิมิบันยะไก" แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารสดอร่อยหรือของฝากที่สามารถซื้อได้ที่นี่เท่านั้น ไปจนถึงทิวทัศน์อันสวยงามและความสดชื่น ถ้าจะแวะไปที่นี่อย่าลืมเผื่อท้องไว้กินอาหารอร่อยด้วย

แกลเลอรี่แห่งนี้จัดแสดงภาพต้นฉบับและสำเนาภาพต้นฉบับโดยอาจารย์ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ A ปรมาจารย์แห่งวงการการ์ตูนจากเมืองฮิมิค่ะ ที่ชั้น 1 จะมีการจัดแสดงผลงานเกี่ยวกับเมืองฮิมิ และผลงานชื่อดังต่างๆ อย่าง "นินจาฮาโตริ" และ "ไคบุตสึคุง" นอกจากนี้ ยังมีมุมที่จำลอง "ห้องโทคิวาโซ 14" ในตำนานที่อาจารย์ฟุจิโกะ A เคยอาศัยอยู่ และยังมีโซนขายสินค้าคาแรคเตอร์ด้วยค ชั้น 2 จะเป็น "ห้องสมุดหนังสือการ์ตูน" ซึ่งคุณสามารถอ่านการ์ตูนกว่า 1000 เล่มของอาจารย์ฟุจิโกะ A ได้ และยังมี "จอดิจิทัลฉายหนังสือการ์ตูน" ซึ่งใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอีกด้วย ทำให้สามารถสนุกได้ทั้งครอบครัวเลย รับรองว่าคุณจะสามารถดื่มด่ำไปกับโลกแห่งการ์ตูนของอาจารย์ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ A ได้อย่างเต็มที่ อย่าลืมแวะมาเที่ยวกันนะ

ฮิมิไม่ได้มีแต่อาหารทะเลเท่านั้น ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตเนื้อวัวที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดโทยามะอีกด้วย ในเมืองฮิมิยังมีร้านอาหารที่คุณสามารถลิ้มรส "เนื้อวัวฮิมิ" ในเมนูต่างๆ ได้ เช่น เนื้อย่าง ชาบูชาบู และสเต๊ก ถ้าหากเราขอแนะนำให้ทานเนื้อย่างสำหรับคนที่อยากลองชิมส่วนต่างๆ ของเนื้อวัวฮิมิ

เมืองทาคาโอกะได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเนื่องจากอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะคานายะมาจิซึ่งเป็นเมืองที่เก่าที่สุด คานายะมาจิเป็นเมืองโรงหล่อเมืองแรกในประเทศญี่ปุ่นที่ถูกกำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารโบราณที่สำคัญแห่งชาติในปี 2012

ในปี 1609 โทชินากะ มาเอดะ ผู้ครองแคว้นคากะได้เรียกช่างหล่อ 7 คนจากในแคว้นมาที่คานายะมาจิ และสร้างโรงหล่อขึ้นหลังจากสร้างเมืองได้ไม่นาน เพื่อทำให้เมืองปราสาททาคาโอกะค้าขายเจริญรุ่งเรือง หลังจากนั้น อุตสาหกรรมโรงหล่อก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนี้ และทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองต้นกำเนิดและศูนย์กลางอุตสาหกรรมเครื่องทองแดงทาคาโอกะ

นอกจากนี้ ที่นี่ยังคงเหลือบ้านเรือนที่ใช้เซนบงโคชิ (ไม้ระแนง) ซึ่งเข้ากันกับพื้นหินที่ทอดยาวกว่า 500 เมตรได้อย่างดีด้วย เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ระหว่างที่เดินชมเมือง ก็อย่าลืมลองมองหาทองแดงรูปหัวใจและรูปดาวชิ้นเล็กๆ ที่กระจายอยู่ในจุดต่างๆ บนพื้นหินด้วย

โทชินากะ มาเอดะ หัวหน้ารุ่นที่ 2 ของตระกูลคากะมาเอดะได้สร้างเมืองยามะโชซุจิขึ้นเมื่อเขาสร้างเมืองทาคาโอกะ ในตอนแรกเขาได้เชิญชวนชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในเมืองปราสาทใกล้เคียงมาที่นี่ และสร้างเมืองพ่อค้าที่ริมถนนโฮคุริคุ หลังจากนั้นทาคาโอกะก็กลายเป็นแหล่งกระจายสินค้าตั้งแต่สมัยเอโดะจนถึงสมัยเมจิ โดยเฉพาะเมืองยามะโชซึ่งเป็นศูนย์กลางของการค้าขายค่ะ

บ้านเมืองที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในทุกวันนี้นั้นถูกสร้างขึ้นหลังจากเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1990 โดยเป็นอาคารผนังดิน (โดะโซสุคุริ) ที่มีโครงสร้างที่สามารถป้องกันอัคคีภัยได้ นอกจากอาคารผนังดินแล้วที่นี่ยังมีอาคารแบบต่างๆ เรียงรายอยู่ด้วย เช่น ธนาคารที่สร้างด้วยอิฐแดงสไตล์ตะวันตกแท้ๆ และอาคารที่มีการใช้สถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตก ทำให้เกิดภูมิทัศน์ทางประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากจะสามารถสนุกไปกับการเดินชมเมืองได้แล้ว คุณยังสามารถเข้าชมบ้านเรือนของเมืองยามะโชซุจิได้ที่ "พิพิธภัณฑ์โดะโซสุคุริเมืองทาคาโอกะ (บ้านเก่าครอบครัวมุโรซากิ)" อีกด้วย

วัดซุยริวจิอันสวยงามตระการตาแห่งนี้เป็นวัดประจำตระกูลของโทชินากะ มาเอดะ หัวหน้ารุ่นที่ 2 ของตระกูลคากะมาเอดะ และผู้ก่อตั้งทาคาโอกะค่ะ วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยโทชิซึเนะ มาเอดะ ซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลรุ่นที่ 3 เพื่อไว้อาลัยนายโทชินากะ มาเอดะ ความยิ่งใหญ่ของการจัดเรียงอาคารแบบการัน และความงดงามตระการตาของวัดแห่งนี้แสดงให้ถึงความมั่งคั่งของแคว้นคากะที่มีทรัพย์สินกว่า 1.2 ล้านโคคู เมื่อเดินผ่านประตูโซมงและประตูซังมงอันสง่างามเข้าไปแล้วก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ค่ะ

นอกจากประตูซังมง อุโบสถบุตสึเดน และห้องโถงโฮโดจะถูกกำหนดเป็นสมบัติประจำชาติแล้ว อาคารต่างๆ อย่างเซนโด โอกุริ โอซะโด ประตูโซมง และทางเดินไคโระทั้ง 3 ก็ถูกกำหนดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกด้วย ทำให้วัดแห่งนี้ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากในฐานะสถาปัตยกรรมของวัดนิกายเซนในสมัยเอโดะตอนต้น

ที่นี่มีจุดที่น่าสนใจอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหลังคาอุโบสถที่ทำด้วยแผ่นตะกั่ว ห้องโถงที่ใช้ไม้ฮิโนกิและหินโทมุโระอย่างเต็มที่ ทางเดินไคโระที่ถูกสร้างให้มีความสมมาตรเหมือนดั่งล้อมรอบอุโบสถอยู่ และภาพวาดเพดานที่สวยงาม รับรองว่าคุณจะต้องรู้สึกประทับใจอย่างมากไปกับความสง่างามและยิ่งใหญ่ของวัดซุยริวจิซึ่งเป็นสมบัติประจำชาติอย่างแน่นอน

ร้านราเมงจิเกงตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีทาคาโอกะค่ะ "ราเมงโชยุซุปดำ" ซึ่งเจ้าของร้านใช้เวลากว่า 3 ปีในการคิดค้นสูตรนั้นเป็นราเมงซุปดำที่มีรสชาติกลมกล่อมโดยจะนำซอสโชยุที่นำไปเผามาผสมกับน้ำซอสที่ใช้ตุ๋นหมูชาชู นอกจากนี้ พริกไทยดำยังทำให้รสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ทำให้มีลูกค้าประจำจากต่างจังหวัดอย่างโตเกียวและโอซาก้าแวะมาทานจำนวนมาก

"ชุดอาหารท้องถิ่น" ที่มีคร็อกเก้ทาคาโอกะและข้าวปั้นคุโระโทโรโระก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ถึงแม้ว่าราเมงซุปดำจะมีรสชาติเข้มข้นก็ตาม แต่สามารถสั่งให้มีรสชาติจืดลงได้ตามความชอบของคุณ ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังมีราเมงให้เลือกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นราเมนกระเทียมรสเด็ด ไปจนถึงราเมนเกลืออิวะโนริ ทำให้สามารถอร่อยได้ทั้งครอบครัวเลย นอกจากนี้ เนื่องจากใช้เวลาเดินจากสถานี JR ทาคาโอกะเพียงแค่ประมาณ 2 นาที ทำให้คุณสามารถแวะไปทานระหว่างที่รอรถไฟได้อย่างสบายๆ

หลังจากคืนรถเช่าแล้วก็เดินทางกลับบ้าน คุณสามารถแวะซื้อของฝากจากโทยามะได้ก่อนขึ้นรถไฟชินคันเซ็นที่ "ร้านขายของที่ระลึกทาคาโอกะ" ซึ่งตั้งอยู่ในเซเว่นอีเลฟเว่นด้านหน้าประตูตรวจตั๋วของสถานีชินทาคาโอกะ