เยี่ยมชมสมบัติประจำชาติ “วัดซุยริวจิ” และ “วัดโชโคจิ”
สมบัติประจำชาติ “วัดซุยริวจิ”
เมืองทาคาโอกะ ที่ถูกก่อตั้งโดยผู้นำตระกูลรุ่นที่สอง โทชินากะ มาเอดะ แห่งตระกูล คางะมาเอดะ เป็นเมืองที่ได้รับการสืบทอดเทคนิคในการผลิตงานฝีมือแบบดั้งเดิมมาอย่างยาวนานกว่า 400 ปี อย่างการหล่อดีบุกบริสุทธิ์ และ การทำเครื่องเขิน และในเขตพื้นที่ของวัดซุยริวจิ วัดที่ถูกก่อสร้างต่อโดยผู้นำตระกูลรุ่นสาม เพื่อเป็นเกียรติแก่โทชินากะ มาเอดะ ผู้ก่อตั้งเมือง วัดซุยริวจิ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 20 ปี จึงถือเป็นผลงานชิ้นเอกของนักสถาปัตยกรรมวัดแบบเซ็น ในช่วงต้นของยุคสมัยเอโดะ นอกจากนั้น ประตูใหญ่ของวัด “ประตูซัมมง” , อาคารบุตสึเด็น (ห้องโถงที่ประทับของพระพุทธเจ้า) และ ฮัตโตะ (หอไตร) ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติ
Column
ทัวร์ชมวัด
วัดซุยริวจิ มีบริการทัวร์นำเที่ยววัด โดยนักบวชและอาสาสมัคร ที่จะมาเดินนำชมวัด พร้อมอธิบายรายละเอียดของวัด หากต้องการใช้บริการนี้ กรุณาติดต่อที่สมาคมท่องเที่ยวเมืองทาคาโอกะ เพื่อจองคิวอาสาสมัครนำเที่ยว (มีค่าเดินทางของอาสาสมัคร 1,000 เยน)
ไม่สามารถให้บริการในบางวัน เนื่องจากมีพิธีศพ พิธีลำลึกทางพระพุธศาสนา
เดินทางเข้าถึงได้สะดวก และตั้งอยู่ใจกลางเมือง
วัดซุยริวจิตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองทาคาโอะกะ ใช้เวลาเดินทาง จาก Hokuriku Shinkansen สถานีรถไฟชินทาคาโอกะ ประมาณ 15 นาที และเดินเพียง 10 นาทีจากสาย Ainokaze Toyama Railway สถานีรถไฟทาคาโอกะ และหากนักท่องเที่ยวใช้บริการรถบัส Kaetsunou Bus กรุณาลงรถที่ป้ายรถบัส Zuiryujiguchi นอกจากนั้น หากนักท่องเที่ยวขับรถเที่ยวเอง ทางวัดก็มีบริการที่จอดรถฟรีด้วย โดยออกจาก Takaoka IC บนทางด่วน Noetsu จะใช้เวลาเพียง 10 นาที และ 15 นาที จาก Kosugi IC บนทางด่วน Hokuriku
Column
เที่ยวทั่วทาคาโอกะ ด้วย พาสสุดคุ้ม (Takaoka Machinaka One Day Unlimited Ride Ticket)
หากคุณต้องการเที่ยวชมใจกลางเมืองทาคาโอกะ เช่น วัดซุยริวจิ, ทาคาโอกะไดบุตสึ, เขตอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ยามาโชซูจิ, ย่านเมืองเก่าคานายะมาจิ
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถบัส Kaetsunou Bus (จากสถานีชิน ทาคาโอกะ ไปยัง ย่านเมืองเก่าคานายะมาจิ) และ และสายมันโย (จากสถานีรถไฟทาคาโอกะ ไปยัง บริเวณหน้าโรงเรียนมัธยมต้นชิกิโนะ) โดยพาสสุดคุ้ม ได้ในราคาเพียง 500 เยน (200 เยนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี)
สมบัติของชาติประตูใหญ่ของวัด “ประตูซัมมง” , อาคารบุตสึเด็น (ห้องโถงที่ประทับของพระพุทธเจ้า) และ ฮัตโตะ (หอไตร)
ซุยริวจิ วัดแบบเช็นขนาดใหญ่ที่มีอาคารเจ็ดหลัง ที่เรียงกันเป็นเส้นตรง เรียกว่า “ชิจิโดะ การัน” หากนักท่องเที่ยวยืนอยู่ที่หน้าประตูวัด จะสามารถถ่ายภาพศาลาหลังของวัดที่อยู่ด้านหลังได้อย่างงดงาม จากประตูวัดไปยังห้องโถงหลัก มีการวางหินโทมูโระ ในตำแหน่งสำคัญ (หินโทมุโระ เป็นหินสำคัญที่ต้องได้รับการอนุญาตจากตระกูลคางะก่อนถึงจะนำมาใช้ได้) ชี้ให้เห็นว่าวัดซุยริวจอนั้นมีความสำคัญต่อตระกูลคางะ มากเพียงใด
ประตูใหญ่ของวัด “ประตูซัมมง”
ประตูซัมมง เป็นประตูที่มีความสูงกว่า 18 เมตร เป็นที่ตั้งของรูปปั้นเทพผู้พิทักษ์(คงโก-ริคิชิ)ประดิษฐานอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวาของประตู บนหลังคา มีรูปปั้นของ พระศากยมุนี และ พระอรหันต์ 16 องค์ ประดิษฐานอยู่ ซึ่งการก่อสร้างประตูซัมมงนี้ ถือเป็นหนึ่งในเทคนิคที่หายากของสถาปัตยกรรมวัดในสมัยเอโดะตอนปลาย เสน่ห์ของประตูซัมมงคือเอกลักษณ์การก่อสร้างที่โดดเด่น ที่มาพร้อมทางเดินทอดยาวไปยังตัวอาคารหลักของวัด
อาคารบุตสึเด็น (ห้องโถงที่ประทับของพระพุทธเจ้า)
ห้องโถงขนาดใหญ่ที่มุงหลังคากระเบื้องนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป 3 องค์ ( พระศากยมุนีพุทธเจ้า,พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ และ พระฟูเก็น) ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศจีน การผสมผสานศิลปะการแกะสลักหลายแบบในบุตสึเด็น ทำให้การตกแต่งภายในของอาคารหลังนี้งดงามพอกับการตกแต่งภายนอกตัวอาคาร อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของอาคารบุตสึเด็นคือสร้างโดย ต้นเคยากิ (ต้นไม้ป่าดิบ) อายุกว่า 600 ปี
ฮัตโตะ (หอไตร)
ห้องโถงหลักคือหอไตร ที่สร้างโดยสถาปัตยกรรมแบบ คาคุเด็น โชอิน-ซุคุริที่ใหญ่ที่สุดในวัด ทันทีที่เข้ามาถึงห้องโถง จะพบกับหินโทมุโระ และลวยลายบนเพดาน
รวมถึงแผ่นจารึกศพของผู้นำตระกูลคนที่สอง (โทชินากะ มาเอดะ) ที่ตั้งอยู่ในเขตศักดิ์สิทธิ์ (ตรงกลางอาคาร) จุดที่ได้รับความนิยมของอาคารนี้คือ ความงดงามของ ภาพวาดดอกไม้สี่ฤดู ที่ถูกวาดเอาไว้บนเพดานห้องโถงหลัก
สถานที่ที่ได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ
หากเดินเลยเข้าประตูซัมมงไป จะพบกับ เซ็นโด (ห้องทำสมาธิ) และ ไดคุริ (อาคารพักผ่อนของนักบวช) ที่รายล้อมไปด้วยสนามหญ้าสีเขียวขจี โดยแต่ละอาคาร จะเชื่อมต่อกันด้วยทางเดิน หลังประตูบานแรกของวัดซุยริวจิ เซ็นโด และ ไดคุริ ทั้งสองฝั่งที่ตั้งอยู่ด้านซ้ายและด้านขวา รวมถึงห้องพิธีชงชาขนาดใหญ่นั้น ถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ โดย เซ็นโด และ ไดคุริ ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ในช่วงยุคโชวะ เป็นการบูรณะที่รักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ อีกด้วย โดยหัวหน้านักบวชโยสึยะ ได้กล่าวว่า เคยมีนักบวช กว่า 200 รูป มาฝึกสมาธิที่อาคารเหล่านี้
เทพเจ้าผู้รักษาห้องน้ำ (อุสุซามะเมียวโอ)
เชื่อกันว่า สุซามะเมียวโอ หรือ เทพเจ้าแห่งสุขา ได้ประดิษฐานอยู่ที่ห้องด้านขวาของ ฮัตโตะ (หอไตร) ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เดิมทีเป็นโทสุ (ห้องน้ำภายในวัด) ที่ได้รับการบูรณะใหม่เนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อ 250 ปีก่อน หัวหน้านักบวชโยสึยะ กล่าวว่า “อุสุซามะเมียวโอ สามารถให้พรในการชำระสิ่งเจือปนที่ไม่ดีในจิตใจ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยังได้รับความนิยมในฐานะ เทพเจ้าแห่งการแสดงออกทางสีหน้า เนื่องจากมีสีหน้าด้านซ้ายและด้านขวาต่างกันออกไป ลองสังเกตุดูกันนะ” นอกจากนั้นแล้วยังมี รูปปั้นในท่ายืนของอิดะเท็น ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของ โอคุริ อีกด้วย
เสน่ห์ของอาคารเก่าแก่
นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับ วัดซุยริวจิ ได้หลากหลายมุม รวมถึงประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และ แง่คิดเกี่ยวกับศาสนา ด้านหลังห้องโถง เป็นสุสานหินของผู้นำตระกูล , คนสำคัญของตระกูล(มาเอดะ โทชิอิเอะ), ซามุไร (โอดะ โนบุทาดะ)และ เหล่านางสนมโชกาคุอิน และที่สุสานหินของมาเอดะ โทชิอิเอะมีฟุโดเมียว (พระพุทธเจ้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาและช่วยเหลือผู้คนจากภัยพิบัติและความสับสน) อยู่ และหากนักท่องเที่ยวเดินเลียบมุมทางเดินจะพบกับ รูปปั้นทองแดงจำลองของอุสุซามะเมียวโอ ประดิษฐานอยู่
สิ่งน่าสนใจรอบๆ วัดซุยริวจิ “โกชูอิน”
องที่ระลึก โกชูอินสามแบบ และ ยันต์ฟุตาเบะ
วัดซุยริวจิมีโกะชูอินอยู่สามแบบ (มีโกชูอิน อุสุซามะเมียวโอ ด้วย) ว่ากันว่าหากบูชา อุสุซามะเมียวโอ แล้วนำกลับไปวางบนที่สูง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก หรือทิศใต้ ขณะทำความสะอาดห้องน้ำแล้วล่ะก็ จะได้รับพรให้ปราศจากความเจ็บป่วย คลอดบุตรได้อย่างปลอดภัย รวมถึง พรแห่งความเจริญรุ่งเรือง ของครอบครัว นอกจากนั้น ยันต์ฟุตาเบะ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏกายบนเทือกเขาทาเตยามะในช่วงปลายยุคเอโดะ นั้น ยังมีความเชื่อว่าหากนำไปติดไว้ที่หน้าประตูบ้านแล้วล่ะก็จะนำโชคลาภเข้ามาให้ครอบครัว
สิ่งน่าสนใจรอบๆ วัดซุยริวจิ “คิรินยากิ”
เพลิดเพลินกับ คิรินยากิ เมนูยอดนิยมของร้านคิรินฉะยะ
ร้านคิรินฉะยะ ร้านขนมหวานยอดนิยมของผู้คนที่แวะมาเยี่ยมเยือนวัดซุยริวจิ เมนูคิรินยากิ อันโด่งดังนี้ ได้รับการออกแบบโดยหัวหน้านักบวชโยสึยะ และสั่งทำแม่พิมพ์จากโรงงานในเมืองทาคาโอกะ คิรินยากิ คือขนมอบ เนื้อแป้งหอมละมุน สัมผัสนุ่มลิ้น สอดไส้ถั่วแดงกวนรสหวานอ่อน (จากร้าน Fuwa Fukujudo ร้านขนมญี่ปุ่นข้างๆ) หรือ ครีมคัสตาร์ด นอกจากนี้ ยังมีน้ำแอปเปิ้ลคุนิโยชิ และ กาแฟดำสูตรพิเศษของทางร้าน
สิ่งน่าสนใจรอบๆ วัดซุยริวจิ “ซาเซ็นยามเช้า”
ซาเซ็นยามเช้าจะจัดขึ้นในทุกวันอาทิตย์
ซาเซ็นเป็นรูปแบบหลักของการทำสมาธิแบบพุทธนิกายเซน ซึ่งกิจกรรมซาเซ็นยามเช้านี้ จะจัดขึ้นในทุกวันอาทิตย์ เวลา 05.15 น. ถึง 06.10 น. ในเซ็นโดของวัดซุยริวจิ กิจกรรมนี้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมได้(เฉพาะวันที่มีกิจกรรม) โดยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนล่วงหน้า หัวหน้านักบวชโยสึยะกล่าวว่า “ซาเซ็นคือการนั่งขัตสมาธิ วางมือให้หลังมือคว่ำประสานกัน ก้มหน้าลงในมุม 45 องศา หลับตาแล้วหายใจ เข้า-ออก ช้าๆ จะสามารถผ่อนคลายความเครียดและความเหนื่อยล้าได้”
สิ่งน่าสนใจรอบๆ วัดซุยริวจิ “บริเวณฮัตโจวมิจิ”
เดินตามเส้นทางฮัตโจวมิจิ ไปยัง สุสานของ โทชินากะ มาเอดะ
วัดซุยริวจิและสุสานของ โทชินากะ มาเอดะ เชื่อมต่อกันด้วย เส้นทางฮัตโจวมิจิ ซึ่งเป็นถนนที่ปูด้วยหินสีขาว ประดับด้วยโคมไฟ เรียงรายกันตลอดเส้นทางกว่า 870 เมตร ถัดจากวัดซุยริวจิไป จะมีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของท่านโทชินากะ มาเอดะ สวมหมวกรูปหางปลาดุก ที่มีเครื่องหมายพาด จุดนี้ขอแนะนำให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และหากเดินไปตามทางต้นสนฝั่งทิศตะวันออก ก็จะได้พบกับสุสานของ โทชินากะ มาเอดะ สร้างขึ้นบนพื้นที่ 250 ตารางเมตร มีสองชั้น และทำขึ้นจากหินโทมุโระ ด้านข้างมีลายดอกบัวที่วาดอย่างประณีตกว่า 130 ลาย ที่วาดโดยศิลปินอัจฉริยะแห่งยุค คะโน ทันยู (Kano Tanyu)
การเที่ยวชมซุยริวจิ ใน 1 ชั่วโมง เป็นยังไงกันบ้างคะ? ไว้มาเที่ยวโทยามะครั้งหน้า แวะมาเที่ยวเมืองทาคาโอกะกันด้วยนะ
สมบัติประจำชาติ “วัดโชโคจิ”
วัดโชโคจิ ได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติ เป็นวัดในนิกายโจโดชินชู (สุขาวดี) ซึ่งมีขนาดและรูปทรงที่ไม่เคยมีมาก่อน ห้องโถงหลัก ห้องโถงใหญ่ และ แท่นพิธีการ ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติในเดือนธันวาคม ปี 2022 ห้องโถงหลักที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะตอนปลาย มีต้นแบบมาจากห้องโถงอามิดะของวัดฮองวันจิ ถูกสร้างขึ้นหลังจากการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในยุคเฮเซ (การซ่อมแซมในครั้งนี้กินเวลานานถึง 23 ปี เริ่มในปี 1998) ซึ่งภาพวาดของห้องโถงแห่งนี้เป็นภาพวาดของช่างไม้คนเดียวกันกับที่วาดในห้องโถงอามิดะ และแท่นพิธีการก็ได้รับการบูรณะใหม่ ให้มีลักษณะเหมือนในยุคสมัยเอโดะตอนปลาย
ห้องโถงหลัก ห้องโถงขนาดใหญ่ และแผงประกอบพิธีที่ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติ
ห้องโถงหลัก ห้องโถงขนาดใหญ่ และแผงประกอบพิธีของวัดโชโคจิ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของเมืองเอ็ตจู ถูถูกกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติในเดือนธันวาคม ปี 2022
เป็นวัดในนิกายโจโดชินชู (สุขาวดี) และเป็นหนึ่งในวัดสาขาของ วัดฮองวันจิ ที่สร้างขึ้นโดยผู้ฟื้นฟูนิกาย “เร็นเนียวโชนิน” และชื่อวัดนี้ตั้งตามการสืบทอดของ จุนโตกุ ชูโช เซกัน โคเงียวจิ ในยุคสมัยเอโดะ ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลคางะ มาเอดะ คนที่ 11 ที่ทำหน้าที่เป็นนักบวชในช่วงอายุ 10 ถึง 23 ปี
วิธีเดินทางไปยัง วัดโชโคจิ
เดินทางโดยรถไฟ
จากสถานีชิน ทาคาโอกะ ขึ้นรถบัส Kaetsunou Bus ลงรถที่ป้ายบัสFushiki Ekimae จากนั้นเดินต่อประมาณ 7 นาที
หรือจากสถานี ทาคาโอกะ ขึ้นรถบัส Kaetsunou Bus ลงที่ป้ายบัสFushiki Ekimae จากนั้นเดินต่อประมาณ 7 นาที
หรือเดินประมาณ 7 นาที จากสถานีฟุชิกิ (Fushiki Station) บน JR Himi Line
เดินทางโดยรถยนต์
ประมาณ 20 นาทีจากทางด่วน Noetsu ทางด่วน Takaoka Kita IC
※ที่จอดรถไม่มีค่าใช้จ่าย
ห้องโถงใหญ่ของวัด ที่เป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัยเอโดะตอนปลาย
ห้องโถงหลักของวัดโชโคจิเป็นห้องโถงใหญ่ขนาดใหญ่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนของห้องโถงวัดของยุคสมัยเอโดะตอนปลาย และสิ่งที่ทำให้วัดโชโคจิแห่งนี้ไ ด้ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติประจำชาติคือ หลังจากที่หัวหน้านักบวช ฮารุนากะ มาเอดะ ได้ลงจากตำแหน่ง เขาได้ขอให้หัวหน้านักบวชคนถัดไป สร้างห้องโถงขนาดใหญ่ขึ้นใหม่ ซึ่งทำให้ได้รับเงินสนับสนุนจากตระกูลคางะ เป็นจำนวนมาก และทั้งนี้เนื่องจากภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และชื่อเสียงที่มีอยู่ของ วัดฮองวันจิ นั้นทำให้สาวกนิกายชินชูได้ร่วมกันบริจาคเงิน และช่างไม้ที่ร่วมก่อสร้าง วัดฮองวันจิ ก็เข้ามามีส่วนร่วมในการแกะสลักตกแต่งเสาในอาคาร และคานของห้องโถง
ห้องโถงใหญ่ที่มาพร้อมพื้นที่ชมนุมของนักบวช
โอฮิโรมะ(ห้องทาทามิขนาดใหญ่) และ แท่นพิธี ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติพร้อมๆ กันกับห้องโถงใหญ่ ในห้องโถงใหญ่มีห้องชุมนุม หรือ ห้องประชุมสำหรับนิกายโจโดชินชู ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นพื้นที่ที่ยังคงรักษาความงดงามอันมีเอกลักษณ์ของตัวอาคารจากกระบวนการบูรณะครั้งใหญ่ของวัดได้ เดิมทีห้องโถงแห่งนี้มีขนาดเพียง 2 แถวเสื่อทาทามิ แต่เนื่องจากมีสาวกเพิ่มมากขึ้น จึงได้รับการปรับปรุงเป็น 3 แถว และต่อมา ฟุสุมะ (ฉากกั้นห้องที่ทำจากกระดาษ สามารถเลื่อนเปิดปิดได้) ที่มีลวดลายสีสันสดใสของดอกเบญจมาศ ก็ได้ถูกบูรณะใหม่เช่นกัน
สมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญ 10 ประการ และการจำลองรูปลักษณ์ของสมัยเอโดะตอนปลาย
นอกจากห้องโถงหลัก ห้องโถงใหญ่ และ แท่นพิธี ที่ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติแล้วนั้น ที่วัดแห่งนี้ยังมีทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ อีก 10 รายการ ที่ได้รับการอนุรักษ์ และซ่อมแซมอีกด้วย ก่อนการบูรณะอาคารหลายแห่งเป็นหลังคามุงกระเบื้อง แต่หลังจากการบูรณะได้เปลี่ยนมาเป็นหลังคาเปลือกต้นสนฮิโนกิ( ไม้ไซเปรส) โดยใช้เทคนิค โคเกะราบุกิ นอกจากนั้นภายในห้องครัวของยังมีบ่อน้ำที่สามารถติดตั้งบนพื้นได้รวมถึง รูปปั้นมังกรตั้งอยู่นั้นทำให้รู้สึกถึงสถาปัตยกรรมระดับสูง
เที่ยวชมสิ่งมหัศจรรย์ 7 อย่างภายในวัด
ภายในวัดโชโคจิ มีสิ่งมหัศจรรย์ 7 อย่างตั้งอยู่ด้วย ว่ากันว่าเป็นสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น แต่ไม่มีผู้ใดทราบว่าเริ่มมีอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างเช่น หลังจากเดินเข้าประตูคารามอนเข้าไปแล้ว จะพบกับ หินแห่งสวรรค์ ซึ่งหากหินก้อนนี้กระทบกับก้อนกรวด จะเกิดเป็นเสียงราวกับเหล็กกระทบกัน นอกจากนั้นยังมี ต้นแปะก๊วยไร้ผล, สระน้ำที่ไม่แห้งเหือด,เสาค้ำหลังคา, หินฝนหมึกมังกรเมฆ, ต้นสนสามใบ และ ปีศาจปกป้องสี่ทิศ หากมาเที่ยวชมวัดครั้งหน้า ลองมองหาสิ่งมหัศจรรย์ 7 อย่างนี้กันนะ
●หินแห่งสวรรค์ : เป็นหินที่เคยตั้งตระหง่านอยู่บนหาดโคคุบุ ว่ากันว่ามีชาวบ้านได้ยินเสียงสะอื้นราวกับกำลังร้องไห้ทุกคืน จึงได้นำหินก้อนนี้มาไว้ที่วัดโชโคจิ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเสียงสะอื้นอีกเลย
●ปีศาจปกป้องสี่ทิศ : ปีศาจปกป้องสี่ทิศนี้เป็นการแกะสลักบนเสาที่มุมทั้งสี่ของห้องโถงหลัก ปิศาจที่อยู่ด้านหน้าห้องโถง สองตนมีท่าทางราวกับกำลังรองรับหลังคาด้วยมือทั้งสอง และ อีกสองตนด้านหลังทำท่าเหมือนกำลังรองรับหลังคาด้วยมือเดียว ทั้งสองที่อยู่ด้านหลังรองรับหลังคาด้วยมือเดียว ถือเป็นยันต์กันภัย
●สระน้ำที่ไม่แห้งเหือด : ว่ากันว่าสระน้ำแห่งนี้ได้รับการดูแลโดยมังกรที่สลักไว้ในห้องโถงหลัก ที่คอยเฝ้าอยู่เหนือน้ำ ว่ากันว่าหากเกิดเพลิงไหม้จะได้สามารถดับไฟได้ทันที
●ต้นแปะก๊วยไร้ผล : ในอดีตมีเด็กจำนวนมากที่ปีนต้นไม้เล่นแล้วตกลงมา รวมถึงทะเลาะกันเรื่องผลไม้กันเป็นประจำ ทำให้ท่านหัวหน้านักบวชในตอนนั้นได้อ่านพระสูตรให้ต้นไม้ฟัง และหลังจากั้นต้นแปะก๊วยต้นนี้ก็ไม่เกิดผลอีกเลย
●ต้นสนสามใบ : โดยปกติต้นสนจะมีเพียงสองใบต่อหนึ่งกิ่ง แต่ต้นสนที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของห้องโถงหลัก มีสามใบต่อหนึ่งกิ่ง
●หินฝนหมึกมังกรเมฆ : เป็นหินฝนหมึกที่เคยถูกใช้โดยเรนเนียว โชนิน ว่ากันว่าเพียงหยิบพู่กันขึ้นมา น้ำหมึกก็ไหลออกมาจากหินหมึกได้เอง
●เสาค้ำหลังคา : เสาเกือบทั้งหมดของห้องโถงหลักทำจากไม้สนฮิโนกิ แต่มีเพียงเสาต้นเดียวเท่านั้นที่ทำจากเปลือกต้นเชอร์รี่ และตัวเสาถูกทำให้ดูสลับกลับด้านเพื่อไม่ให้ตัวอาคารดูสมบูรณ์จนเกินไป
กว่า 23 ปีแห่งการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในยุคเฮเซ
หลังจากเวลาผ่านไปกว่า 200 ปีนับตั้งแต่วัดโชโคจิถูกสร้างขึ้น ทำให้ตัววัดทรุดโทรมลงอย่างมาก จึงได้มีการบูรณะ และซ่อมแซมครั้งใหญ่โดยใช้เวลากว่า 23 ปี นับตั้งแต่ปี 1998 โดยเป้าหมายในการซ่อมแซมครั้งนี้คือ อาคาร 12 หลัง รวมถึงห้องโถงหลัก ห้องโถงใหญ่ ชิกิได โชอิน โอคุโชอิน และโอไนบุตสึ ถือเป็นการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ จึงมีการจัดแสดงภาพถ่าย ก่อน และ หลัง การซ่อมแซมวัด และ แบบจำลองทางสถาปัตยกรรม อยู่ด้วย
ระลึกถึงมันโย ณ ตำแหน่งของเมืองเอ็ตจู
ว่ากันว่า ที่ตั้งของวัดโชโคจิ คือที่ตั้งของเอ็ตจูฟุ ในยุคสมัยนารา ซึ่งที่การัน(สถานปฏิบัติธรรมของนักบวช) มีอนุสรณ์ บทกวีสามแห่งที่ประพันธ์ โดย กวีแห่งตระกูลโอโตโมะโนะ ยากะโมจิ ซึ่งเป็นผู้รวบรวมมันโยชู (คอลเลคชันบทกวีที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น) ซึ่งตำแหน่ง ณ ตอนนั้นคือผู้ว่าการจังหวัดเอ็ตจู โดยระยะเวลา 5 ปีที่เขาดำรงตำแหน่งนั้นเขาได้เขียนบทกวีเกี่ยวกับทาเตยามะไว้ และแม้กระทั่งในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวยังสามารถชมความงดงามของเทือกเขาทาเตยามะนี้ได้จากห้องโถงหลักของวัด
ของที่ระลึกจาก วัดโชโคจิ หาซื้อได้ตามร้านค้าใกล้วัด
ที่วัดโชโคจิ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อเซมเบ้ ที่ใช้วิธีการอบแบบดั้งเดิม ผ้าเช็ดตัวลวดลายเดียวกับบนฟุสุมะของห้องโถงใหญ่ และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมีวางจำหน่ายที่ร้านค้าใกล้เคียง นอกจากนั้น ร้านขนม โคชิมุระ เฮียคุมิโดว ร้านขนมยอดนิยมในพื้นที่ที่ดำเนินธุรกิจมาสามรุ่น ได้ริเริ่มทำขนมญี่ปุ่นแนวใหม่ภายใต้แนวคิด “เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ภายในวัด” นอกจากนั้นหลังจากที่วัดโชโคจิได้ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติ นั้นทำให้ของที่ระลึก และ ขนมต่างๆ หลายหลายและสามารถถ่ายทอดความสง่างามทั้งสี่ฤดูกาลของตัววัดได้