ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา แนวชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นของจังหวัดโทยามะมีเมืองท่าเรือกระจายตัวอยู่หลายแห่ง ปลาที่จับได้ ทิวทัศน์ที่มองเห็น และวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมามีความแตกต่างกันไปในแต่ละเมือง
ข้อมูลและเรื่องราวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองท่าต่างๆนั้น ควรสอบถามจากคนในพื้นที่จึงจะดีที่สุด ในครั้งนี้คู่สามีภรรยาคุณฮิโรยูกิและคุณอาโออิ อาคาชิ เจ้าของร้านกาแฟและโรงแรมริมแม่น้ำอุจิคาวะในเมืองอิมิสึจะช่วยแนะนำสถานที่น่าสนใจในย่านอุจิคาวะ
และตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว อ่าวโทยามะหรือที่ถูกเรียกขานในชื่อ “กรงขังสัตว์น้ำตามธรรมชาติ” จะเป็นแหล่งรวมสัตว์ทะเลมากมายในช่วงนี้ ขอเชิญมาที่เมืองท่าแห่งนี้ ที่มีทั้งอาหารรสเลิศ และจะเป็นโอกาสที่ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่หาจากที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว
เบนิ ซุไวกานิ ปูหิมะแดง สัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ร่วงในโทยามะ
“ท่าเรือประมงชินมินาโตะ” เมืองอิมิสึ หนึ่งในแหล่งประมงชั้นนำของจังหวัดโทยามะ มีปลาที่จับได้หลากหลายพันธุ์และมีจำนวนมาก ซึ่งที่นี่เราจะสามารถหาปลาอร่อยๆ มารับประทาน ได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งท่าเรือก็อยู่ใกล้กับตลาดปลา ปลาสดใหม่ที่จับได้ก็จะถูกนำไปขายส่งในตลาดทันที ที่นี่มีชื่อเสียงในการจัด “ประมูลปลาช่วงกลางวัน” ซึ่งมีตลาดไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่ทำได้แบบนี้
เดือนกันยายนถึงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงผ่อนผันกฎหมาคุ้มครองการจับ “ปูเบนิ ซุไวกานิ หรือปูหิมะแดง” ในช่วงนี้เราจะได้เห็นภาพปูเบนิ ซุไวกานิวางเรียงรายราวกับในตลาดถูกปูด้วยพรมแดงไปทั่ว และเมื่อเร็วๆ นี้ปูเบนิ ซุไวกานิ จากท่าเรือโทยามะมีแบรนด์ “โคชิโนะอาคากานิ” ออกมาแล้วซึ่งเป็นแบรนด์ปูที่น่าจับตามองยิ่งกว่าเดิม
ใกล้ๆ กับท่าเรือประมงชินมินาโตะเป็น“ตลาดชินมินาโตะ คิตโตะคิโตะ” ที่นี่สามารถเลือกซื้อปูเบนิ ซุไวกานิได้ และเป็นแหล่งรวมอาหารทะเลสดใหม่ที่เป็นของเฉพาะฤดู อย่างปูเบนิ ซุไวกานิ หรือ กุ้งขาวชิโระเอบิ ซึ่งถ้าจะหาซื้อก็ต้องเป็นที่ชินมินาโตะเท่านั้นเพราะส่งตรงมาจากท่าเรือประมงโดยตรง นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารที่สามารถทานซาชิมิหรือข้าวหน้าต่างๆ ได้
ข้อมูลท่องเที่ยว ตลาดชินมินาโตะ คิตโตะคิโตะ
เพลิดเพลินไปกับกาแฟและแซนวิชได้ในย่านอุจิคาวะ
คุณฮิโรยูกิและคุณอาโออิ อาคาชิที่มาช่วยนำเที่ยวในครั้งนี้ ที่จริงแล้วทั้งคู่เคยอาศัยอยู่ในโตเกียวมาก่อนแล้วย้ายถิ่นที่อยู่มายังโทยามะ ครั้งแรกที่ได้ชมทิวทัศน์ของอุจิคาวะก็ต้องถึงกับรำพึงในใจว่า “ที่ที่งดงามขนาดนี้มีอยู่จริงหรือนี่” เลยทีเดียว
“สมัยอยู่โตเกียวได้ทำงานที่ต้องเดินทางไปจังหวัดต่างๆ ในญี่ปุ่น ก็ได้พบเจอวิวแม่น้ำและบ้านเมืองเก่าๆ มามาก ถึงอย่างนั้นก็ตาม ทิวทัศน์ของอุจิคาวะกลับไม่ทำให้รู้สึกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ผมจึงประทับใจที่นี่มากๆ “ คุณฮิโรยูกิย้อนระลึกถึงความทรงจำครั้งเก่า
และได้ตกหลุมรักแรกกับอาคารที่เคยเป็นร้านขายเสื่อทาทามิ จากนั้นจึงรีโนเวทให้เป็นร้าน “cafe uchikawa Rokkakudo” เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ทั้งคู่ต่างทำงานด้านการพัฒนาเมืองอุจิคาวะในปัจจุบัน
ร้านคาเฟ่มี 2 ชั้น นั่งชิลๆ ชมวิวนอกหน้าต่างได้ ในส่วนอาหารและเครื่องดื่มนั้นจะเน้นใช้วัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิคเท่าที่จะทำได้ ไม่มีการใช้สารกันบูดหรือสารเคมีใดๆ จึงปลอดภัยไว้ใจได้
“cafe uchikawa Rokkakudo” แห่งนี้เปิดให้บริการมาหลายปีจนคนในพื้นที่รู้สึกคุ้นที่จะต้องแวะเข้ามา และด้วยความที่อยากให้ลูกค้านักท่องเที่ยวจากที่อื่นที่มาเยือนอุจิคาวะได้มีโอกาสเข้ามาที่ร้าน ในปี 2019 จึงเปิดโรงแรมริมน้ำ “MINKA Riverside Villas KAMOME & UMINEKO” ที่เป็นจุดเดินชมวิวของย่านอุจิคาวะ ซึ่งบริษัทของคุณฮิโรยูกิเป็นผู้ดำเนินกิจการและบริหารงาน
“Kamome” และ “Umineko” แต่เดิมเคยเป็นเรือนที่พักของชาวประมงและได้รับการรีโนเวท เปิดให้บริการเป็นที่พักแบบพักได้ทั้งหลัง เรือนพักทั้ง 2 หลังต่างหันหน้าสู่ทะเล มีการตกแต่งภายในเรือนที่ปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ทั้งสะอาดและสะดวกสบายแต่ยังคงอนุรักษ์รูปแบบทางสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของเรือนโบราณไว้ได้อย่างดี
คู่สามีภรรยาได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกด้วย
เดินเล่นในตรอกแคบ
อีกสิ่งหนึ่งที่คุณฮิโรยูกิได้แนะนำคือ การเดินเล่นรอบๆ บริเวณตรอกแคบใกล้แม่น้ำอุจิคาวะ ถ้าเราเดินไปตามทางริมแม่น้ำก็จะพบกับตรอกแคบๆ ที่ทอดยาวออกไป 2 ข้างทางมีบ้านเรือนเรียงรายตลอดทาง วิวที่มองจากตรอกเล็กๆ นั้นมองเห็นผืนน้ำของแม่น้ำอุจิคาวะเป็นทิวทัศน์ที่งดงามที่ไม่สามารถพบเจอจากที่ไหนได้อีกเลย หากมีเรือหาปลาแล่นผ่านแล้วกดชัตเตอร์ถ่ายภาพได้ทันก็น่าจะเป็นภาพถ่ายที่งดงามอีกหนึ่งภาพ
ในการเดินชมตรอกเล็กๆ แห่งนี้หากสังเกตดีๆ อาจโชคดีได้เจอน้องแมวน่ารักที่ทำให้บรรยากาศการเดินเล่นสนุกยิ่งขึ้น
คุณฮิโรยูกิยังเสริมว่า “ตรอกนี้ยังคงความดั้งเดิม ไม่มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสังคมภายนอก ความน่าสนใจของที่แห่งนี้คือ เราจะได้พบกับวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นและบรรยากาศย่านอุจิคาวะที่ยังคงรักษาความเป็นอดีตได้แม้ในปัจจุบัน
ร้านนั่งชิลบรรยากาศดี มีเจ้าของร้านชาวฮาวาย
คุณอาโออิผู้ชื่นชอบบรรยากาศยามค่ำคืนของอุจิคาวะ แนะนำ “BRIDGE BAR” เป็นร้านน่านั่งบรรยากาศผ่อนคลายในอุจิคาวะ ที่มีเจ้าของร้านบ้านเกิดอยู่ที่ฮาวายเป็นผู้ดำเนินกิจการ
“ถ้าได้มาเดินเล่นอยากให้ปักหมุด “BRIDGE BAR” เป็นจุดหมายดูนะคะ จะได้เดินเล่นชมวิวกลางคืนพร้อมกับสัมผัสกับบรรยากาศที่ต่างจากตอนกลางวันค่ะ” คุณอาโออิกล่าว แม่น้ำอุจิคาวะที่เปลี่ยนสีมืดลงราวกับมีหมึกสีดำหยดลงไปกลับสว่างขึ้นได้ด้วยแสงสะท้อนจากโคมไฟที่อยู่ริมถนน สีสันรอบข้างเปลี่ยนแปลงไปอาจทำให้สงสัยว่าตอนนี้อยู่ในเมืองแห่งความฝันหรือยังอยู่ในโลกใบเดิม
เป็นบาร์ที่รีโนเวทจากบ้านโบราณอายุราวๆ 70 ปี ที่ออกแบบให้สามารถชมวิวกลางคืนได้จากด้านในร้าน มีทั้งเคาน์เตอร์บาร์ โต๊ะ โซฟา ชั้นลอย ที่นั่งชั้น 2 แต่ละที่นั่งได้ถูกจัดวางให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไป เพื่อให้ลูกค้าที่มาเยือนได้เลือกที่นั่งตามใจชอบได้เลย
BRIDGE BAR มีเครื่องดื่มหลากชนิด เริ่มจากค็อกเทลสูตรออริจินอลของร้านรวมถึงอเมริกันวิสกี้ที่พร้อมเสิร์ฟ สายนักดื่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ก็มีม็อกเทลแบบ non-alcohol ให้เลือก แล้วมาชมวิวอุจิคาวะยามค่ำคืนพร้อมกับดื่มเครื่องดื่มแบบชิลๆ ที่นี่ดูสิคะ
* ข้อมูลอัพเดทวันที่ 21 กันยายน 2021 เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 อาจมีการเปลี่ยนแปลงวันและเวลาให้บริการ กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดได้จากเว็บไซต์ร้าน หรือสอบถามที่หน่วยประชาสัมพันธ์หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง
*ราคาที่แสดงรวมภาษีแล้ว ยกเว้นที่มีการระบุเป็นอย่างอื่น
คุณฮิโรยูกิ อาคาชิ
เกิดที่เมืองโอโนมิจิ (เดิมชื่อเมืองอินโนะชิมะ) จังหวัดฮิโรชิมะ เรียนจบด้าน Product Design จากมหาวิทยาลัยศิลปะทามะ หลังจบการศึกษาเข้าทำงานบริษัทให้คำปรึกษาด้านการวางแผนการสร้างเมือง และได้ย้ายถิ่นที่อยู่มายังจังหวัดโทยามะที่เป็นบ้านเดิมของภรรยาในปี 2010 จากประสบการณ์ที่เคยรีโนเวทบ้านเก่าในเมืองชาวประมงให้เป็นร้านกาแฟ คุณฮิโรยูกิก็ได้ค้นพบความสนุกจากการออกแบบ “พื้นที่” ที่เป็นเหมือนกับฐานลับ หลังจากนั้นได้ริเริ่มทำโปรเจค “Machizai Note” เป็นโปรเจคเพื่อพัฒนาเมืองโทยามะ ที่งานหลักคือการออกแบบที่ว่าง และสร้าง “พื้นที่” ที่ช่วยขยายคุณค่าของเมืองให้เติบโตยิ่งขึ้น
คุณอาโออิ อาคาชิ
เกิดจังหวัดเกียวโตและเคยอาศัยอยู่ในจังหวัดโทยามะตั้งแต่อายุ 5-18 ปี และกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยในจังหวัดเกียวโต หลังจบการศึกษาได้ทำงานในองค์กรวิจัยและสนับสนุนเกี่ยวกับการพัฒนาเมือง และมีส่วนร่วมในการพัฒนาฟื้นฟูเมืองระดับภูมิภาคและการพัฒนาชุมชนผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ในปี 2010 ได้ย้ายกลับมาอยู่จังหวัดโทยามะตามเดิมทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องการตั้งถิ่นที่อยู่ จากนั้นในปี 2011 ได้ก่อตั้งบริษัทออกแบบและสร้างเมือง และได้ย้ายออฟฟิศเข้ามาในบ้านตัวเองที่อุจิคาวะเมืองอิมิสึในปี 2016 ซึ่งในทุกๆ วันนี้ บริษัทของคุณอาโออิช่วยค้นหาและเผยแพร่เสน่ห์ที่มีอยู่ทุกที่ในภูมิภาคแห่งนี้