เดินเที่ยวสนุกจากสถานีทาคาโอกะ ทัวร์เมืองประวัติศาสตร์ "ทาคาโอกะ"

เมื่อพูดถึง "เมืองที่สามารถสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์" ในภูมิภาคโฮคุริคุแล้ว หลายๆ คนคงนึกถึงเมืองคานาซาวะ จังหวัดอิชิคาวะ แต่จริงๆ แล้วเมืองทาคาโอกะ จังหวัดโทยามะซึ่งมีสิ่งก่อสร้างและงานฝีมือแบบดั้งเดิมคงเหลืออยู่เป็นจำนวนมากนั้นก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ถูกลงทะเบียนเป็นเมือง "อนุรักษ์ประวัติศาสตร์" และ "มรดกชาติแห่งญี่ปุ่น"
ยิ่งไปกว่านั้น 2 ใน 3 สิ่งก่อสร้างที่ถูกลงทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติในภูมิภาคโฮคุริคุยังตั้งอยู่ในเมืองทาคาโอกะ จังหวัดโทยามะอีกด้วย (อีก 1 แห่งตั้งอยู่ที่เมืองโอบามะ จังหวัดฟุคุอิ)

ภายในเมืองทาคาโอกะมีสถานที่ที่สามารถสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ชื่อดังหลายแห่งตั้งอยู่รอบๆ สถานีทาคาโอกะอีกด้วย ไปเดินสำรวจสถานที่เหล่านั้นกันเถอะ

อย่าลืมแวะไปเช็กแผ่นพับและแผนที่ต่างๆ ที่ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวที่สถานีทาคาโอกะกันนะ
ถึงแม้ว่าจะสามารถเดินตระเวนเที่ยวสถานที่ต่างๆ ได้ก็ตาม แต่ที่นี่ก็มีบริการให้เช่าจักรยานสุดสะดวกภายในเมืองทาคาโอกะอีกด้วย (ช่วงเปิดให้บริการ วันที่ 1 เมษายน - วันที่ 30 พฤศจิกายน (ปิดทำการในฤดูหนาว))
นอกจากนี้ เนื่องจากมีที่จอดรถฟรี ทำให้คุณสามารถไปเที่ยวได้สะดวกด้วยรถเช่าหรือรถของคุณเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีตั๋วสุดคุ้มที่สามารถตระเวนเที่ยวสถานที่ต่างๆ ได้อีกด้วย

เมื่อพูดถึงเมืองทาคาโอกะก็ต้องนึกถึงสมบัติประจำชาติ "วัดซุยริวจิ" วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีก่อนในปีค.ศ. 1614 เพื่อไว้อาลัยนายโทชินากะ มาเอดะ ผู้ครองแคว้นคากะรุ่นที่สองซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของคากะ โนโตะ และเอ็ตจู (ปัจจุบันคือจังหวัดอิชิคาวะและจังหวัดโทยามะ)
เมื่อเข้าไปที่วัดก็จะเจอกับประตูซันมง และพอเดินผ่านประตูเข้าไปก็จะเจอกับอุโบสถบุตสึเดน ถัดจากนั้นก็จะเป็นห้องโถงโฮโดซึ่งถูกกำหนดให้เป็นสมบัติประจำชาติ พอได้ยินว่าอาคารแห่งนี้เป็นสมบัติประจำชาติก็จะสามารถดื่มด่ำไปได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ การจัดวางอาคารที่สมมาตรทำให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น

ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์สักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากได้อ่านคำอธิบายในแผ่นพับแล้วก็จะสามารถสัมผัสถึงประวัติศาสตร์ได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เมื่อเดินเข้าไปในอาคารแล้วจะรู้สึกเหมือนย้อนยุคกลับไปในสมัยก่อนเลย
นอกจากบริเวณภายในวัดแล้ว ทางเดิน "ฮัตโจมิจิ" ของวัดซุยริวจิก็ยังเป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เส้นตรงที่เชื่อมระหว่างวัดซุยริวจิและสุสานของโทชินากะ มาเอดะนั้นดูสวยงามตระการตาเป็นอย่างมาก

"โรงหมักสาเก - คิโนอิ" ตั้งอยู่ที่ทางเข้าวัดซุยริวจิ
ที่นี่มีผลิตภัณฑ์อาหารหมักจากโคจิวางขายมากมาย ในครั้งนี้เราเลือกซอฟต์ครีมมิโซะที่หาทานได้ยาก
นอกจากนี้ ภายในร้านยังมีมิโซะที่หาได้ยากแบบต่างๆ วางขายอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นมิโซะฟักทองหรือมิโซะมะเขือเทศ แค่ดูเฉยๆ ก็สนุกแล้ว ที่นี่ยังมี "คาบุระซูชิ" ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของจังหวัดโทยามะและจังหวัดอิชิคาวะ และ "คาบุระซูชิแฮมสดชีส" สำหรับผู้ที่ไม่ชอบปลาด้วย เหมาะสำหรับเป็นของฝากจากโทยามะมากๆ เลย อย่าลืมลองทานกันนะ

เมืองเก่านี่บรรยากาศดีมากๆ เลยนะ โดยเฉพาะเมืองเก่าที่ถูกกำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารโบราณสำคัญแห่งชาติ
ภายในสถานีเก่าของเมือง "เท็ตสึบินยะ" มีคำอธิบายว่าคานายะมาจิถูกสร้างขึ้นอย่างไร และมีประวัติศาสตร์อย่างไรบ้าง
การอ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองในท้องถิ่นสนุกมาก เพราะว่าไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเรียนรู้ได้จากโรงเรียนทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถสัมผัสถึงประวัติศาสตร์ได้จากการชมอาคารที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยนั้นอีกด้วย

เมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในสมัยเมจิด้วยเทคนิคการก่อสร้างที่สามารถป้องกันอัคคีภัยได้ ว่ากันว่าชื่อ "ถนนยามะโชซุจิ" มีที่มาจาก "เทศกาลมิคุรุมายามะ" งานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองทาคาโอกะซึ่งถูกจัดขึ้นที่นี่
ประตูโกดังบนชั้น 2 ของบ้านที่ดูหนักมากนั้นแสดงให้เห็นว่าผู้คนในสมัยนั้นมีความพยายามในการนำเทคโนโลยีและภูมิปัญญามาใช้เพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่มากขนาดไหน
จะว่าไปแล้วผนังของหอพิธีชงชาที่วัดซุยริวจิซึ่งจัดเก็บหนังสือและเอกสารต่างๆ เอาไว้ก็ถูกสร้างให้สามารถป้องกันไฟไหม้ได้เหมือนกัน

ในบรรดาสถานที่ต่างๆ ในถนนยามะโชซุจิอาคารอิฐแดงเก่าดูสะดุดตาเป็นพิเศษเลย อาคารนี้ถูกใช้เป็นธนาคารมาจนถึงเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว และว่ากันว่าเป็นอาคารสไตล์ตะวันตกแท้ๆ เพียงแห่งเดียวในจังหวัดโทยามะอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ทาคาโอกะมิคุรุมายามะซึ่งจัดแสดงราชรถมิคุรุมายามะตั้งอยู่ด้านหน้าของธนาคารอิฐแดงเก่า
นอกจาก "มิคุรุมายามะ" จะถูกกำหนดให้เป็นมรดกแห่งชาติทางวัฒนธรรมพื้นบ้านที่จับต้องได้แล้ว งานเทศกาลก็ยังถูกกำหนดให้เป็นมรดกแห่งชาติทางวัฒนธรรมพื้นบ้านที่จับต้องไม่ได้เช่นกัน

เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 800 ปีก่อน แต่เดิมพระใหญ่องค์นี้ทำจากไม้ แต่หลังจากถูกเผาไหม้ถึงสองครั้งจึงได้ทำการหล่อพระใหญ่ในปัจจุบันขึ้นในต้นสมัยโชวะ ตอนแรกนึกว่าพระใหญ่องค์นี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้รู้สึกแปลกใจมากพอได้รู้ว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่าที่คิด
นอกจากนี้ พระใหญ่ทาคาโอกะไดบุทสึยังเป็นหนึ่งในสามพระใหญ่ของญี่ปุ่น และยังได้รับความนิยมเพราะว่ากันว่าเป็นพระใหญ่ที่หล่อที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่เคยลองเปรียบเทียบพระใหญ่แต่ละองค์ดูก็ตาม แต่พอได้ยินว่าหล่อก็รู้สึกว่าดูหล่อขึ้นมาเลย

เคยมาสวนสาธารณะนี้หลายครั้งแล้วแต่ก็คิดว่าเป็นเพียงแค่สวนสาธารณะขนาดใหญ่เท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่าซากปรักหักพังแห่งนี้จะดูเหงาๆ เพราะว่าไม่มีทั้งหอปราการและอาคารอื่นๆ แต่ในครั้งนี้ได้เรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วคูน้ำเป็นซากปราสาทที่น่าทึ่งมาก ถึงแม้ว่าคูน้ำจะไม่ได้เป็นสิ่งที่แปลกก็ตาม แต่ว่ากันว่าคูน้ำที่ยังคงเหลืออยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนกับตอนที่ถูกสร้างขึ้นนั้นมีแค่ที่ปราสาทเอโดะ ปราสาทฮิโรซากิ และปราสาททาคาโอกะเท่านั้น
พอลองสังเกตดูคูน้ำอีกทีก็รู้สึกว่ามีขนาดใหญ่ และภายในสวนสาธารณะยังเต็มไปด้วยน้ำอีกด้วย คูน้ำเหล่านี้ไม่ได้ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นบึงของสวนสาธารณะ แต่เป็นคูน้ำที่ยังคงหลงเหลืออยู่นั่นเอง
เนื่องจากโครงสร้างของปราสาทเป็นไปตามคูน้ำเหล่านี้ ทำให้บางครั้งไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนกันแน่

นอกจากนี้ยังสามารถเดินผ่านถนนแคบๆ ที่ไม่รู้ว่าจะพาไปที่ไหนได้ด้วย
เนื่องจากสวนสาธารณะทาคาโอกะโคะโจยังเป็นจุดชมดอกซากุระชื่อดัง ทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของดอกซากุระที่สะท้อนบนผิวน้ำในคูน้ำได้พร้อมกันเลย

บริเวณรอบๆ สถานีทาคาโอกะเต็มไปด้วยสถานที่ที่สามารถสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์ ถึงแม้ว่าในครั้งนี้เราไม่ได้รู้สึกเหนื่อยกับการเดินก็ตาม แต่ถ้าหากใช้บริการการขนส่งสาธารณะหรือจักรยานก็อาจจะทำให้การท่องเที่ยวสะดวกมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เมืองทาคาโอกะยังเป็นที่ตั้งของ "วัดโชโคจิ" ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นสมบัติประจำชาติในปีค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา คุณสามารถเดินไปยัง "วัดโชโคจิ" ได้ไม่ไกลจากสถานีฟุชิกิ สาย JR ฮิมิ และบริเวณฟุชิกิ-อามาฮาราชิยังเต็มไปด้วยสถานที่มากมายที่สามารถสัมผัสถึงประวัติศาสตร์ได้อีกด้วย
ถ้าหากมีเวลาอย่าลืมแวะไปเที่ยวชมบริเวณรอบๆ สถานีทาคาโอกะกันนะ